ถ้าไม่อ้างธรรมอ้างดี ไม่โฆษณาเกินจริงว่า ดีจริงกว่าสื่อเลวอื่นๆ ทั้งหมด วันนี้ จะไม่มีการเรียกร้องแสวงหา ... การใช้ธรรมความดี บังหน้า พรางตา มหาชน หลอกคนทั้งประเทศนั้น อีกหน่อยเด็กๆ ประเทศนี้ คงสับสน ว่าเรื่องธรรมความดีจิตอาสาจิตสาธารณะ สามารถเลือกทำเป็นบางเรื่องได้ ... เรื่องที่สมประโยชน์โภชผลแล้ว ให้เลวแค่ไหน จะสร้างความเดือดร้อนอันตรายกับผู้คนประชาชนอย่างไรมากแค่ไหน ก้อไม่ต้องสนใจใส่ใจแสวงหาข้อเท็จจริง แบบนี้เรียกว่า "ไม่ต้องรอให้ตาย ก้อไปนั่งโม่แป้งแทนผีได้ ... ถ้าช่องรับช่องจ่ายสะดวก ตรวจสอบไม่ได้" ... หลอกคนอื่นได้ แต่หลอกตัวเองไม่ได้ ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิด ปิดไม่ได้ปิดไม่มิด ...
เป็นสื่อเดียว ที่พยายามสร้างความถูกต้องให้สังคม แต่ถ้ายังมีความน่าเคลือบแคลงน่าสงสัยแล้วนั้น - ที่ว่าถูกต้องจะถูกแท้แน่จริงแบบที่พูดหรือไม่ เพราะปัญหาบ้านเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องสมประโยชน์ ... ของบางคน ที่เอาธรรมเอาความดี ไปชักชวนคนดี มาเป็นเครื่องมือ เพื่อเข้าถึงประโยชน์ฯ
รู้เรื่อง ที่ประชาชนสาธารณะจำนวนมากจะอันตรายรุนแรง ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน อาจกระทบรุนแรงกับประเทศชาติ ... แต่กลับไม่นำพาใส่ใจ อ้างหน้าตาเฉยว่าไม่ใช่หน้าที่ของสื่อมวลชน ฯ - แบบนี้หรือคือ สื่อเอาธรรมนำหน้ากล้าเสนอความจริง ... หลายคนที่แยกตัวออกไป คงรู้จริงว่า "ดีแต่พูด ว่าดีมีธรรม แต่ไม่มีจริง เป็นแค่คำโฆษณาชวนเชื่อ ที่หลอกคนดีๆ กันไปวันๆ"
จริยธรรม ความดี ที่พร่ำพูด โดยคนบนเวที นั้น พูดเหมือนแม่ชีแก้กรรม มั้ย อ้างกรรมอ้างธรรมอ้างความดี - สร้างตัวตนสร้างอิทธิพล จนใหญ่โต คับบ้านคับเมือง เห็นต่างไม่ได้ แกนนำ ฉลาดรู้ดีในทุกเรื่อง คนเห็นต่างแกนนำ คือทุรชน คนทรยศ ไม่รักชาติบ้านเมือง ไม่รักแผ่นดิน ... ไม่ต้องไปฟังความเห็นต่างที่อ้างว่ามีมาจากความคิดแสวงหาประโยชน์ เป็นอีแอบร้องหาประโยชน์ มีการจัดจ้างมา ทำลายธรรมทำลายความดี ที่กำลังดำเนินการกันอยู่ ...
เหิมเกริมโยนหินถามทาง สร้างตัวตนสร้างอิทธิพลพิเศษ จะเข้าสู่อำนาจด้วยวิธีพิเศษ โดยอ้างธรรมความดี และความรักหวงแหนแผ่นดิน "ปราบดาภิเษก" แล้วใครล่ะที่จะขึ้นเถลิงอำนาจ ... ไหนล่ะที่บอกว่าไม่แสวงหาประโยชน์โภชผล
โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรฯ กล่าวว่า อย่างที่กราบเรียนไปแล้วว่าบ้านเมืองตอนนี้ มีอยู่ 3 ก๊ก หนึ่ง ก๊กประชาธิปัตย์ มีอภิสิทธิ์ จรกา และทหารการเมือง ทหารพาณิชย์ สองคือก๊กเพื่อไทย มีทักษิณเป็นผู้นำ และเสื้อแดง สองก๊กนี้กำลังช่วงชิงกันเพื่อเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ประวัติศาสตร์สอนไว้ว่าเมื่อบ้านเมืองแตกป็น 3 ก๊ก จะต้องมีก๊กใดก๊กหนึ่งมีอำนาจเด็ดขาด และปราบดาภิเษกขึ้นมาขจัดก๊กทั้ง 2 ลงไป บ้านเมืองถึงสงบสุข
ตนเชื่อว่าทั้ง 2 ก๊ก ก๊กมาร์ค และก๊กเหลี่ยม ต้องพ่ายแพ้พลังของพี่น้องประชาชนแน่นอน และก๊กของพันธมิตรฯเป็นก๊กที่รักชาติ รักประชาธิปไตย ตามตำราก็เป็นก๊กของเล่าปี่ ขงเบ้ง เชื่อว่าก๊กนี้ต้องปราบดาภิเษกขึ้นมาอย่างแน่นอน
แต่เมื่อปราบดาภิเษกแล้ว เราต้องเอาธรรมนำหน้า ก็จะสามารถรักษาบ้านเมือง แม้ว่ามีบางคนกระเด็นกระดอนออกไปอย่าอาลัยอาวรณ์ เป็นเรื่องธรรมดา ( * ข้อท้วงติง * - เมื่อปราบดาภิเษก แล้วใครล่ะที่จะขึ้น “เถลิงอำนาจ” ถ้าไม่ใช่แกนนำ เพราะอีกครั้งถัดมา ยังย้ำอีกว่า “ในโบราณนั้น คนที่เป็นแกนนำผู้คน สถาปนาตนขึ้นเป็นกษัตริย์” ทำไมต้องพูดเวียนวน ให้ผู้คนคล้อยตามฯ)
"ขอให้กำลังใจว่าวันเวลาของการต่อสู้ และเปลี่ยนแปลงเข้ามาใกล้ทุกขณะ พี่น้องอาจจะมองไม่เห็นว่าน้ำที่ต้มอยู่นิ่งๆ เวลาเดือดฝากาอาจเปิดออกอย่างไม่ทันรู้ตัวก็ได้ เชื่อมั่นว่าพลังที่ถูกต้องดีงามจะนำพาบ้านเมืองไปสู่การเปลี่ยนแปลง พลังเก่าที่ล้าหลังต้องถูกพลังของพี่น้องประชาชนบดขยี้ทำลายอย่างแน่นอน จงเชื่อมั่นพลังอันดีงามของเรา ขอให้กำลังใจว่าถ้าหากมีการเลือกตั้งก็ต้องปรับกระบวนท่าในการรณรงค์โหวตโน แต่ถ้าไม่มีเลือกตั้งก็พร้อมปรับกระบวนไปสู่การเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง ในทางสร้างสรรค์และก้าวหน้า ทั้งหมดขึ้นอยู่ที่ฟ้าดินลิขิต และเชื่อว่าฟ้ามีตา สวรรค์มีใจ บ้านเมืองต้องเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน" นายประพันธ์ กล่าวปิดท้าย
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9540000052628
"คน พธม. คือ คนที่อุทิศตนเพื่อประโยชน์แห่งสาธาณะ ไม่ละเว้นวางเฉยกับเรื่องความทุกข์เดือดร้อนของผู้คนประชาชน มีจิตอาสา เสียสละ ไม่ต้องการผลประโยชน์ ความสุขคือการเห็นสังคมประเทศชาติดีขึ้น" - จริงแบบที่คนเวที ประกาศปาวๆ ทุกครึ่ง ชม. จริงหรือ ถ้าใช่ ทำไมจึงมาก่นด่า แบบไม่มีสติ คิดหรือว่า จะมีคนเสียสติบ้าวิปริตที่ไหน กล้าทะเลาะกับสื่อแบบ ASTV ถ้าเค้าไม่มีเหตุทุกข์เดือดร้อนใจที่ต้องการความเป็นธรรม ความถูกต้อง เพื่อหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งหลายที่เผชิญหน้าอยู่ฯ …
การเรียกร้องขอให้ทำตามที่ประกาศตัวไว้ กลายเป็นคนเสียจริต ถูกจัดจ้างมา ใช้ธรรมข้อไหนมอง หรือ วางอุเบกขากับความเดือดร้อนของผู้คนเสียสิ้นแล้วฯ
อิปัทปัจจยตา – สรรพสิ่งเกิดตั้งอยู่ดับไป ย่อมมีเหตุมีปัจจัย และตามพระพุทธดำรัสที่ตรัสไว้ว่า "เสียสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ เสียสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต เสียสละชีวิตเพื่อรักษาธรรม"
การแสวงหา และรักษาธรรม
บทความนี้ จึงต้องถูกเขียนขึ้น
12 พ.ค. 2554
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น